top of page

8 วิธี ดูแลรถอย่างไร? ให้พร้อมใช้งาน


1. ดูแลแบตเตอรี่ ชาร์จไฟให้เต็มสัปดาห์ละครั้ง

ปัญหาอันดับหนึ่งของรถที่ไม่ค่อยได้ขับคือสตาร์ทไม่ติด หากไม่รีบจัดการกับปัญหานี้ ปัญหาที่จะตามมาก็คือแบตเตอรี่เสื่อม แบตเตอรี่ในรถที่ไม่ค่อยได้ขับอาจเสื่อมสภาพได้ง่าย วิธีการดูแลรักษาแบตเตอรี่ที่ดี จึงเป็นการนำรถออกไปขับด้วยความเร็วสูงและระยะทางประมาณร้อยกิโล เพื่อชาร์จไฟให้แบตเตอรี่เต็ม การสตาร์ทรถทิ้งไว้ 10 นาทีนั้นเปล่าประโยชน์  ไม่ชาร์จไฟเข้าแบตฯ เพราะรอบเครื่องไม่ถึงไดชาร์จผลิตไฟได้น้อย และระยะเวลาไม่นานพอ แถมยังสร้างมลภาวะ เปลืองน้ำมัน เหม็นควัน เสียงดังอีกต่างหาก แต่ถ้าหากไม่มีเวลานำรถออกไปขับ วิธีที่ง่ายที่สุดในการดูแลแบตเตอรี่คือใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK จากสวีเดน เพื่อชาร์จไฟให้แบตเตอรี่เต็มสัปดาห์ละครั้ง จะสามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสียเวลาเอารถไปวนขับ หรือสตาร์ทรถทิ้งไว้


2. ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและของเหลวต่าง ๆ

น้ำมันเครื่อง และของเหลวงต่าง ๆ มีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา อาจมีการระเหย หรือเกิดการปนเปื้อน การตรวจสอบและหมั่นเติมของเหลว เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และน้ำยาหล่อเย็นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์และป้องกันความเสียหายได้


3. ล้างทำความสะอาดรถยนต์

ถึงแม้จะเป็นรถไม่ค่อยได้ขับ แต่ก็ควรหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำเมื่อสกปรก เพื่อรักษาสภาพรถให้อยู่ได้นานที่สุด เพราะฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่เกาะติดตามตัวรถ ทำหน้าที่เสมือนกระดาษทราย หากไม่ได้ทำความสะอาดอาจก่อให้เกิดรอยขีดข่วนและความเสียหายแก่ผิวรถยนต์ได้ นอกจากนี้ สิ่งสกปรกบางชนิด เช่น ขี้นกหรือคราบแมลง หรือ โคลน ยังมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งสามารถกัดกร่อนสีรถได้หากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ

4. เติมลมยางสม่ำเสมอ

ยางของรถไม่ค่อยได้ขับอาจเสียรูปจากน้ำหนักรถที่กดลงไปบนหน้ายางได้ ดังนั้น ควรหมั่นตรวจเช็กยางรถยนต์ด้วยเครื่องวัดลมยาง เพื่อให้แน่ใจว่าความดันลมยางอยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ ควรเติมลมยางให้สูงกว่าปกติสักเล็กน้อย หากจำเป็นต้องจอดรถไว้นาน ๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ และควรขยับรถเพื่อเปลี่ยนจุดกดทับของหน้ายาง ไม่ให้ทับจุดเดียวนานเกินไป



5. ติดเครื่องไล่หนู

ติดเครื่องไล่หนู การตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าได้อย่างทันท่วงที อาทิ สายไฟขาด ฉนวนเสื่อมสภาพ หรือจุดเชื่อมต่อหลวม ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลให้ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ หรือเกิดความเสียหายต่อส่วนประกอบอื่น ๆ ของรถยนต์ได้


6. จอดรถในที่ร่ม

การจอดรถในที่ร่มเป็นการช่วยป้องกันรถจากความร้อนและความชื้น ที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สีรถซีดจาง และเกิดรอยแตกลายงา นอกจากนี้ แสงแดดและความร้อนยังส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของวัสดุภายในรถ เช่น แผงหน้าปัดโก่งตัว เบาะหนังแห้งกรอบ ยางขอบกระจกและยางใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ดังนั้นหากมีรถไม่ค่อยได้ใช้ควรจอดไว้ในที่ร่ม เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้รถของคุณดูใหม่และใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น


7. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันอยู่เสมอ

นำรถออกไปขับให้น้ำมันหมดและเติมให้เต็มก่อนจอดเก็บเพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเก่าออกไป ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำมันบูด และเติมน้ำมันให้เต็มเพื่อป้องกันการเกิดสนิมในถังน้ำมัน]


8. เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเป็นแบบซิลิโคน

ใบปัดน้ำฝนซิลิโคน PIAA จากญี่ปุ่น ผลิตจากซิลิโคนคุณภาพสูง นุ่ม ไม่ขูดกระจก ทนทานกว่าใบปัดน้ำฝนทั่วไป ทน UV ทนความร้อนต่อสภาพอากาศร้อนจัดสุดขั้วของประเทศไทย ใบปัดน้ำฝน PIAA Sitech นวัตกรรมใหม่ มีสารเคลือบป้องกันการเกาะตัวของน้ำ ทำให้น้ำกลิ้งออกไป ไม่เกาะกระจก ยิ่งปัด ก็ยิ่งเคลือบ ยิ่งปัด ก็ยิ่งลื่น ไม่ต้องคอยเติมเหมือนแบบน้ำหรือสเปรย์ ฝนมาเมื่อไหร่ เพียงแค่ปัดน้ำฝน ใบปัดน้ำฝน PIAA Sitech ก็จะทำการเคลือบกระจก ทำให้กระจกลื่น ปัดหมดจด กระจกมองเห็นได้ชัด ปลอดภัยทันที

 
 
 

Comments


bottom of page